ข้อดีของ Preventive Maintenance (PM) สำหรับวาล์วในโรงงานอุตสาหกรรม ✅🏭

ข้อดีของ Preventive Maintenance (PM) สำหรับวาล์วในโรงงานอุตสาหกรรม PM Valve = ลงทุนเพื่อประหยัดในระยะยาวยิ่งระบบมีขนาดใหญ่ ความคุ้มค่าของการทำ PM ก็ยิ่งชัดเจน Preventive Maintenance Valve คือ การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) คือการดูแลรักษาและตรวจสอบวาล์วอย่างสม่ำเสมอก่อนที่จะเกิดปัญหา เพื่อยืดอายุการใช้งาน และ ลดการหยุดชะงักของระบบ ในโรงงานการทำ Preventive Maintenance (PM) Valve ถือเป็น หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของการทำ Cost Saving โรงงานอุตสาหกรรมอย่างชัดเจน ดังนั้น การบำรุงรักษาเชิงป้องกันจึงไม่ใช่แค่ “ค่าใช้จ่าย” แต่คือ การลงทุนเพื่อประหยัดต้นทุนระยะยาว (Cost Saving Investment) การวางแผน Preventive Maintenance วาล์ว:1. จัดทำแผน PM รายปี/รายไตรมาส ● แยกตามประเภทของวาล์ว (เช่น Gate, Ball, Globe, Check, Control, Actuated Valve…

ลักษณะการทำงานผิดปกติของกับดักไอน้ำ ♨️

ลักษณะการทำงานผิดปกติของกับดักไอน้ำ แบ่งได้ 4 กลุ่ม 1.อาการอุดตัน (Blockage) ที่รูระบายไม่เปิด ทำให้ไม่ระบาย Condensate และอากาศออกจากระบบถ้ากับดักไอน้ำอยู่ในสภาพอุดตัน มีผลทำให้น้ำร้อนไหลย้อนกลับและแทนที่ช่องว่างของไอน้ำ ทำให้อุปกรณ์มีความสามารถในการถ่ายเทของเหลวลดลง อาการอุดตันเป็นปัญหาใหญ่ เพราะจะมีผลโดยตรงกับคุณภาพสินค้าที่ผลิต กับดักไอน้ำที่อยู่ในสภาพอุดตัน เมื่อจับตัวอุปกรณ์จะรู้สึกเย็น ดังนั้นในการตรวจสอบปัญหาชนิดนี้จะสามารถบอกโดยการสัมผัสกับดักไอน้ำ ในกรณีที่เป็นระบบปิด อาการ Steam locking และ Air blinding เมื่อเราพบกับดักไอน้ำไม่ทำงานเพราะการคั่งของไอน้ำ หรืออากาศ เราสามารถวิเคราะห์อาการได้ เมื่อเราพบไปน้ำหรืออากาศคั่งอยู่ที่บางบริเวณ Steam locking จะทำให้กับดักไอน้ำ (Steam Trap) ร้อน แต่เครื่องจักรที่ใช้ไอน้ำไม่ร้อน ซึ่งต่างจาก Blockage และอีกชนิดหนึ่งที่อาจพบได้ คือ ถ้าไม่มีอาการคั่งของไอน้ำและอากาศ ในกรณีที่เกิดการเสียและไม่สามารถระบุเหตุได้ เรามักเรียก “Disease” เพราะการเสียไม่อยู่ในอาการที่กล่าวมา แต่เป็นปัญหาทางกลไกภายใน ในปัญหาของการอุดตัน ที่ไม่ใช่สาเหตุจาก Steam locking หรือ Air blinding จะแยกเป็น 2 ส่วน คือ1) การใช้งานผิดประเภท : อาจเกิดอุดตัน เมื่อแรงดันและอุณหภูมิไอน้ำมีค่าเกินกว่าค่าที่กับดักไอน้ำยอมรับได้2)…

ประเภทของหม้อไอน้ำ (Type of boiler) ♨️

ประเภทของหม้อไอน้ำ (Type of boiler) หม้อไอน้ำที่เราเห็นทั่วไปมีหลายชนิด แต่ถ้านับแบบที่นิยมใช้กัน จะแบ่งเป็นหลักๆ 2 แบบ คือ 1.หม้อไอน้ำแบบท่อไฟ และ 2.หม้อไอน้ำแบบท่อน้ำ ส่วนที่เหลืออาจจะมีการผสมหรือ boiler แบบ hybrid ที่ผสมท่อน้ำและท่อไฟ โดยหม้อไอน้ำทั้งแบบท่อไฟ และท่อน้ำ ก็มีข้อดี และข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่า ความเหมาะสมในการใช้ เหมาะกับโรงงานนั้นๆมากที่สุดแบบไหน 1. หม้อไอน้ำแบบท่อไฟ (Fire tube boiler)  หม้อไอน้ำแบบท่อไฟ เป็นหม้อไอน้ำที่มี “ไฟอยู่ในท่อ” และน้ำอยู่บริเวณด้านนอก โดยหม้อไอน้ำชนิดนี้จะมีห้องเผาไหม้ และไฟจะถูกส่งไปตามท่อไฟ และมีการแลกเปลี่ยนความร้อนจากไฟ ไปท่อ และจากท่อไปน้ำ ซึ่งการออกแบบของท่อไฟอาจจะมีเป็นแบบไหลทางเดียว ไหลสองกลับ ไหลสามกลับ และไหลแบบสี่กลับ ซึ่งอาจจะเป็นแบบหลังเปียกหรือแห้ง โดยทั่วไปๆความดันของหม้อไอน้ำแบบท่อไฟจะมีความดันไม่เกิน 150 psi และกำลังผลิตที่ต่ำกว่า 15 tons/hrs โดยจะนำไปใช้งานตั้งแต่ หัวจักรรถไฟ, เรือกลไฟ, โรงสีไฟ, โรงงานกระดาษ, โรงงานอาหารสัตว์, โรงงานผลไม้กระป๋อง…

คุณสมบัติของ Seat ที่เป็นส่วนประกอบของ Valve ⚙️

คุณสมบัติของ Seat ที่เป็นส่วนประกอบของ Valve PTFE (Polytetrafluoroethylene) คือ พลาสติกเทคนิคประเภทเทปล่อน ชื่อที่เรียกกันทั่วไปของ PTFE เป็นฟลูออโรพอลิเมอร์สังเคราะห์ เป็นสารประกอบคาร์บอนและฟลูออรีนที่มีมวลโมเลกุลสูง นำไปใช้งานที่ต้องทนต่อการกัดกร่อนของสารเคมี และใช้ในอุตสาหกรรมทั่วไปได้ คุณสมบัติทนทานต่ออุณหภูมิสูงๆ อุณหภูมิสูงสุดที่ใช้การทำงานได้อย่างต่อเนื่อง คือ 260°C และใช้สูงกว่านี้ได้ หากรับแรงในระยะสั้น ส่วนอุณหภูมิต่ำที่สุดที่ใช้ได้คือ -29°C . EPDM (Ethylene Propylene Diene Monomer) เป็นยางสังเคราะห์ชนิดหนึ่ง ซึ่งยางชนิดนี้สามารถใช้งานที่เกี่ยวกับสารเคมี และงานที่เกี่ยวกับอุณหภูมิสูง และมีความยืดหยุ่นสูงทนต่อการเสื่อมสภาพอากาศ เช่น ออกซิเจน โอโซน ยูวี ความร้อน กันน้ำ กันฝุ่นได้ดีและนอกจากนี้ยังสามารถทนต่อสารเคมี กรดและด่างได้ดีอีกด้วย และไม่สามารถทนต่อน้ำมันจำพวกปิโตเลียมได้ แต่ทนน้ำมันพืชและน้ำมันสัตว์ได้ปานกลาง มีอุณหภูมิใช้งานตั้งแต่ -20 to +120 °C . NBR (Acrylonitrile Butadiene Rubber) หรือ ชื่อทางการค้า คือ…

สาเหตุหม้อไอน้ำระเบิด 💨

สาเหตุหม้อไอน้ำระเบิด  สาเหตุมาจากโครงสร้าง1. ต้นเหตุการระเบิดเนื่องจากโครงสร้างไม่ดี ขาดเทคนิคและเครื่องมือที่เหมาะสม2. ใช้เหล็กผิดเกรดและความหนาไม่เหมาะกับแรงอัด หรือเกิดการผุกร่อน เพราะเก่าเกินไป3. ลักษณะของการเชื่อมไม่ดี มีรอยร้าวและตามด ซึ่งเกิดจากความเครียดของรอยเชื่อมขณะทำการเชื่อม4. ชนิดของลวดเชื่อมไม่เหมาะสมกับเหล็ก ที่ทำตัวหม้อไอน้ำ ทำให้รอยเชื่อมเกิดการร้าว และการผุกร่อนริมรอยเชื่อม5. มีความเข้มข้นของทางแร่ธาตุภายในหม้อไอน้ำมากเกินไป6. น้ำในหม้อไอน้ำมีออกซิเจนมาก ขาดเครื่องมือในการไล่ออกซิเจนในน้ำ7. น้ำที่ป้อนให้หม้อไอน้ำมีคุณสมบัติและคุณภาพที่ไม่ถูกต้องตามที่หม้อไอน้ำต้องการ และมีค่า PH ต่ำมีสภาพเป็นกรด8. วาล์วนิรภัยสร้างไม่ถูกขนาด จึงระบายความดันออกไม่ทัน9. ระบบอัตโนมัติหยุดเชื้อเพลิงไม่ทำงาน หรือไม่มีระบบอัตโนมัติ ทำให้เมื่อเกิดเปลวไฟดับภายในห้องเผาไหม้จะมีไอของเชื้อเพลิง จำนวนมากสะสมอยู่พอจุดไฟใหม่จึงระเบิดขึ้น. สาเหตุมาจากผู้ควบคุม1. เปิดเตาแล้วทิ้งไว้โดยมิได้เปิดประตูจ่ายไอน้ำ หรือไม่ได้เอาไอน้ำไปใช้ และไม่ได้ลดเชื้อเพลิงลง2. ไม่ได้ตรวจเช็ควาล์วนิรภัยทุกวัน3. ไม่ได้ตรวจเช็คและทำความสะอาดเครื่องวัดระดับน้ำ และตรวจสอบแรงอัด Booster Pump ทุกวัน4. ไม่ได้ตรวจเช็คเกจวัดแรงอัด (ควรมีเกจ วัด 2 ตัวเพื่อเปรียบเทียบ)5. ไม่ได้ตรวจคุณสมบัติและคุณภาพของน้ำ6. ไม่ได้ตรวจความเข้มข้นของแร่ธาตุในน้ำ ทำให้เกิดรอยร้าว ในลักษณะลายขาไก่7. ภายในหม้อไอน้ำมีหินปูนเกาะหนา เนื่องจากไม่ได้ตรวจหม้อน้ำนาน (ควรตรวจทุก 3 เดือน)8. มีน้ำมันหลงเข้าไปในหม้อไอน้ำ หรือน้ำแห้ง9. หม้อไอน้ำเย็นตัวเร็วเกินไปทำให้เกิดความเครียดและรอยร้าวขึ้น10. ไม่ได้ทำการตรวจซ่อมใหญ่อย่างน้อยปีละครั้งอ้างอิง :…

คำแนะนำในการใช้หม้อไอน้ำ ✅♨️

คำแนะนำในการใช้หม้อไอน้ำ 1. ก่อนติดเตาทุกครั้งให้ตรวจดูก่อนว่า ในหม้อน้ำมีน้ำระดับที่เพียงพอหรือไม่ การตรวจระดับน้ำในหม้อน้ำเป็นการทดสอบไปในตัวด้วยว่า ทางน้ำเข้า-ออก ของหลอดแก้วตันหรือไม่2. สำหรับหม้อน้ำที่ใช้ก๊าซหรือน้ำมันเป็นเชื้อเพลิง ให้ระบายลมภายในเตาก่อน เพื่อไล่ก๊าซที่อาจตกค้างอยู่ในหม้อน้ำออกเสียก่อนจึงค่อยติดไฟ เพื่อป้องกันการระเบิดจากการลุกไหม้โดยฉับพลันที่เกิดจากก๊าซที่ตกค้างอยู่ในเตา3. ถ้าเกิดรั่วที่ลิ้นนิรภัย (Safety Valve) โดยที่ยังอยู่ภายใต้ความดันปกติ “ห้าม” ใช้วิธีเพิ่มน้ำหนักถ่วง หรือตั้งลิ้นนิรภัยในแข็งขึ้น4. ถ้าเกิดรั่วที่หม้อน้ำให้หยุดใช้หม้อน้ำทันที และต้องแก้ไขก่อนใช้งานต้องได้รับการตรวจทดสอบเพื่อความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ตรวจหม้อน้ำของกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรมหรือจากวิศวกรซึ่งได้รับอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรม ตามพระราชบัญญัติควบคุมวิชาชีพวิศวกรรม พ.ศ.25055. ลิ้นนิรภัยที่ใช้ควรเป็นแบบที่ทดสอบได้ง่าย อย่างน้อยควรมีการทดสอบเดือนละครั้งว่าลิ้นนิรภัยยังทำงานได้ดีหรือไม่6. หลังเลิกงาน เมื่อหยุดใช้หม้อน้ำทุกวัน ควรระบายน้ำทิ้ง โดยเปิดวาล์วระบายน้ำทิ้งแล้วนับหนึ่งถึงสิบ แล้วปิด เฉพาะแหล่งที่น้ำใช้มีตะกอนมากต้องระบายให้ถี่กว่านี้7. ตรวจสอบความดันของเกจวัดความดันของน้ำที่สูบเข้าหม้อน้ำ ถ้าความดันขึ้นสูงผิดปกติ แสดงว่าท่อสูบน้ำเข้าหม้อน้ำจะตันแล้ว ต้องรีบแก้ไข ถ้าใช้ต่อไปอาจทำให้น้ำแห้งได้8. ให้ใช้หม้อน้ำไม่เกินความดันตามที่กำหนดไว้9. หม้อน้ำที่มีตะกรันเกาะหนาถึง 1/8 นิ้ว อาจจะทำให้เปลืองเชื้อเพลิง ถึง 15% ดังนั้น ถ้าล้างหม้อน้ำบ่อยมากขึ้น จะเป็นการประหยัดเชื้อเพลิงไปในตัว10. ถ้าเกิดน้ำแห้งต่ำกว่าระดับหลอดแก้ว ต้องรีบดับไฟและ “ห้ามสูบน้ำ” เข้าหม้อน้ำอย่างเด็ดขาด ต้องปล่อยให้เย็นลง และตรวจทดสอบเพื่อความปลอดภัยก่อนใช้งานต่อไป11. หม้อน้ำที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง ควันดำที่เกิดขึ้น เนื่องจากปรับหัวฉีดและส่วนของอากาศไม่ถูกต้อง…

บทบาทสำคัญของวาล์วอุตสาหกรรม ⚙️

บทบาทสำคัญของวาล์วอุตสาหกรรม วาล์วอุตสาหกรรมมีบทบาทสำคัญในภาคส่วนต่างๆ ช่วยให้การเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพและควบคุมได้  อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซวาล์วควบคุมการไหลของน้ำมันและก๊าซในกระบวนการสกัด การกลั่น และการกระจาย ควบคุมแรงดัน รับประกันความปลอดภัย และช่วยให้สามารถจัดการของเหลวในท่อและโรงงานได้อย่างแม่นยำ อุตสาหกรรมเคมีวาล์วอุตสาหกรรมจะจัดการการไหลของสารเคมี เพื่อให้มั่นใจในการจ่าย การผสม และการแยกที่แม่นยำ มีส่วนช่วยในการจัดการและแปรรูปสารเคมีหลายชนิดในโรงงานผลิตอย่างปลอดภัย โรงไฟฟ้าวาล์วควบคุมการเคลื่อนที่ของน้ำ ไอน้ำ หรือของเหลวอื่นๆ ในระบบผลิตไฟฟ้าวาล์วมีบทบาทสำคัญในการรักษาประสิทธิภาพการดำเนินงาน การควบคุมอุณหภูมิ และการรับรองความปลอดภัยในการใช้งานโรงไฟฟ้าต่างๆ การประปาและการบำบัดน้ำวาล์วควบคุมการไหลของน้ำในระบบประปาของเทศบาลและโรงบำบัด ช่วยให้สามารถควบคุมการกระจายน้ำและการจัดการแรงดันได้อย่างแม่นยำ และอำนวยความสะดวกในกระบวนการบำบัดให้ได้มาตรฐานคุณภาพ การบำบัดน้ำเสียในโรงบำบัดน้ำเสีย วาล์วจะควบคุมการเคลื่อนที่ของน้ำทิ้งและช่วยเหลือในขั้นตอนการบำบัดต่างๆ มีส่วนช่วยในการแปรรูปและกำจัดน้ำเสียอย่างมีประสิทธิผลโดยยังคงปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรมกระบวนการวาล์วเป็นส่วนสำคัญในอุตสาหกรรมกระบวนการต่างๆ เช่น ยารักษาโรคและการแปรรูปอาหาร พวกเขาควบคุมการไหลของส่วนผสม จัดการอุณหภูมิ และรับประกันการผสมส่วนประกอบที่แม่นยำ ซึ่งมีส่วนช่วยในการผลิตที่มีคุณภาพ การดำเนินการเหมืองแร่วาล์วถูกนำมาใช้ในงานเหมืองแร่เพื่อควบคุมการไหลของสารละลายน้ำ และของเหลวอื่นๆ ช่วยอำนวยความสะดวกในการสกัดและการขนส่งแร่ธาตุ ในขณะเดียวกันก็รับประกันประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน อุตสาหกรรมเยื่อและกระดาษวาล์วควบคุมการไหลของของเหลวในการผลิตเยื่อและกระดาษ โดยมีส่วนช่วยในกระบวนการต่างๆ เช่น การผลิตกระดาษ การบำบัดด้วยสารเคมี และการจัดการน้ำเสีย ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ การแปรรูปอาหารและเครื่องดื่มวาล์วมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการไหลของส่วนผสม การจัดการอุณหภูมิ และรับประกันสุขอนามัยในการแปรรูปอาหารและเครื่องดื่ม มีส่วนช่วยในการผลิตผลิตภัณฑ์บริโภคที่แม่นยำและปลอดภัย ทางทะเลและการต่อเรือวาล์วถูกใช้ในระบบเรือเพื่อควบคุมน้ำทะเล เชื้อเพลิง และของเหลวอื่นๆ มีส่วนช่วยในการทำงานอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการใช้งานทางทะเลต่างๆรู้หรือไม่ในการใช้งานเหล่านี้ วาล์วอุตสาหกรรมเป็นส่วนประกอบสำคัญที่มีส่วนช่วยในการควบคุมกระบวนการ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพ โดยแสดงให้เห็นความอเนกประสงค์ในอุตสาหกรรมต่างๆ มากมายอ้างอิง : XINTAI VALVE GROUP .  For further…

ทำไมโรงงานอุตสาหกรรมต้องใช้หม้อไอน้ำ ❓

ทำไมโรงงานอุตสาหกรรมต้องใช้หม้อไอน้ำ  หม้อไอน้ำ: พลังงานความร้อนที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมหม้อไอน้ำ (Boiler) เป็นหนึ่งในอุปกรณ์หลักที่พบในโรงงานอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นอาหาร สิ่งทอ เคมี พลังงาน หรือแม้แต่โรงพยาบาล แล้วทำไม “หม้อไอน้ำ” ถึงสำคัญขนาดนี้? คำตอบอยู่ที่ ประสิทธิภาพ ความร้อน และความต่อเนื่องในการผลิต ที่ไม่มีอุปกรณ์ชนิดใดทดแทนได้ เหตุผลหลักที่โรงงานต้องใช้หม้อไอน้ำ1. ผลิตไอน้ำสำหรับกระบวนการผลิต⏺︎ ไอน้ำใช้เป็นแหล่งความร้อนในการต้มหรือแปรรูปวัตถุดิบ เช่น นึ่ง ต้ม ย้อม ฆ่าเชื้อ หรือควบแน่นสารเคมี⏺︎ มีความร้อนสม่ำเสมอ เหมาะกับงานที่ต้องควบคุมอุณหภูมิอย่างแม่นยำ2. รองรับการใช้งานที่ต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพสูง⏺︎ หม้อไอน้ำสามารถทำงานต่อเนื่องได้ตลอด 24 ชั่วโมง⏺︎ เหมาะสำหรับโรงงานที่มีกระบวนการผลิตจำนวนมากและไม่สามารถหยุดสายพานการผลิตได้3. ประหยัดพลังงานและต้นทุนในระยะยาว⏺︎ เมื่อเลือกใช้หม้อไอน้ำที่มีประสิทธิภาพสูง จะช่วยลดการใช้เชื้อเพลิง⏺︎ ระบบรีไซเคิลไอน้ำและควบคุมอุณหภูมิช่วยลดความสูญเสียของพลังงาน4. ใช้งานได้หลากหลายมากกว่าการให้ความร้อน⏺︎ ใช้ไอน้ำในระบบควบแน่น ควบคุมความชื้น⏺︎ ใช้ในระบบทำความร้อนของอาคาร สำนักงาน หรือโรงพยาบาล⏺︎ ใช้เป็นพลังงานขับเคลื่อนกังหันในโรงไฟฟ้า5. เพิ่มคุณภาพสินค้าและมาตรฐานการผลิต⏺︎ ไอน้ำสะอาดและควบคุมได้ง่าย ทำให้สินค้าที่ผลิตมีคุณภาพสม่ำเสมอ⏺︎ ในอุตสาหกรรมอาหารและยา ไอน้ำยังช่วยฆ่าเชื้อเพื่อให้ได้มาตรฐานความปลอดภัย ตัวอย่างอุตสาหกรรมที่พึ่งพาหม้อไอน้ำ อาหารและเครื่องดื่ม → นึ่ง ต้ม ฆ่าเชื้อ สิ่งทอ → ย้อมและอบผ้า เคมีและปิโตรเคมี → กลั่นหรือทำปฏิกิริยา โรงไฟฟ้า → ผลิตพลังงานจากไอน้ำ โรงพยาบาล → ฆ่าเชื้ออุปกรณ์และควบคุมอุณหภูมิภายในอาคาร สรุปหม้อไอน้ำไม่ใช่เพียงแค่เครื่องผลิตไอน้ำ แต่เป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้โรงงานอุตสาหกรรมผลิตได้เร็วขึ้น ประหยัดมากขึ้น และมีคุณภาพมากขึ้น การเลือกหม้อไอน้ำที่เหมาะสมจะช่วยให้โรงงานเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย…

6 สัญญาณเตือนว่าหม้อไอน้ำของคุณต้องการการบำรุงรักษา♨️

6 สัญญาณเตือนว่าหม้อไอน้ำของคุณต้องการการบำรุงรักษา  อย่ารอให้หม้อไอน้ำพัง!หม้อไอน้ำ (Boiler) คือหัวใจของระบบผลิตไอน้ำในโรงงานอุตสาหกรรม หากเกิดปัญหาเพียงเล็กน้อย อาจนำไปสู่ การหยุดผลิต, ต้นทุนซ่อมแพง, หรือ อุบัติเหตุร้ายแรง ได้ ดังนั้นการสังเกต “สัญญาณเตือน” ตั้งแต่เนิ่น ๆ คือสิ่งที่ทุกโรงงานควรทำ 6 สัญญาณเตือนสำคัญ ที่ไม่ควรมองข้าม1. ความดันและอุณหภูมิไม่คงที่ตัวเลขความดันไอน้ำผันผวน หรือขึ้นช้ากว่าปกติอุณหภูมิไม่ถึงจุดที่ตั้งไว้ หรือร้อนเกินเร็วผิดปกติ อาจเกิดจากคราบตะกรัน, เซนเซอร์เสีย หรือวาล์วควบคุมมีปัญหา2. มีเสียงผิดปกติจากตัวหม้อไอน้ำเสียงต๊อกแต๊ก ป๊อกแป๊ก หรือเสียงโลหะขยายตัวบ่อยได้ยินเสียงลมหรือแรงดันระบายผิดปกติ อาจเกิดจากการสะสมของตะกรัน, การไหลของน้ำไม่สมดุล หรือท่อบิดงอ3. การใช้เชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นโดยไม่มีเหตุผลหม้อไอน้ำกินน้ำมัน/ก๊าซ/ไฟฟ้ามากขึ้นแต่ผลิตไอน้ำเท่าเดิม เป็นสัญญาณว่าประสิทธิภาพความร้อนลดลง อาจมีคราบตะกรันหรือฉนวนเสื่อม4. มีน้ำหรือไอน้ำรั่วตามท่อและวาล์วพบคราบน้ำรอบจุดเชื่อม ท่อ หรือวาล์วมีไอน้ำลอยออกจากจุดที่ไม่ควรมี อาจเกิดจากซีลรั่ว, ข้อต่อหลวม หรือท่อผุ5. มีคราบเขม่าหรือควันดำจากปล่องไอเสียปล่องควันมีสีดำหรือเทาเข้มผิดปกติ แสดงถึงการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพและก่อให้เกิดมลพิษ6. ระบบตัดอัตโนมัติทำงานบ่อยผิดปกติเครื่องดับเองหรือตัดการทำงานบ่อย ทั้งที่ยังไม่ได้ถึงขีดอันตราย อาจเป็นการทำงานผิดพลาดของระบบเซฟตี้ หรือตัวควบคุมเสื่อมสภาพ ควรทำอย่างไรเมื่อพบสัญญาณเตือน?เรียกช่างเทคนิคที่เชี่ยวชาญตรวจสอบทันทีอย่าซ่อมเองหากไม่มีใบอนุญาตวางแผนการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) เป็นประจำใช้บริการจากแบรนด์หรือศูนย์บริการที่น่าเชื่อถือ สรุปหม้อไอน้ำที่ดูเหมือนไม่มีปัญหา อาจซ่อนสัญญาณเตือนไว้อย่างเงียบ ๆ การรู้จักสังเกตและลงมือแก้ไขทันเวลา จะช่วยป้องกันการหยุดผลิตโดยไม่จำเป็น และยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานอย่างคุ้มค่า .  For further inquiries, please contact…

หลักการป้องกันอุบัติเหตุ 3E ⚠️

หลักการป้องกันอุบัติเหตุ 3E  การป้องกันอุบัติภัย 3 ขั้นตอน หรือ หลักการ 3E คือ หลักการที่ใช้เพิ่มความปลอดภัยในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีประสิทธิภาพสูงให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคน และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในโรงงานอุตสาหกรรม ปัจจัยที่จะช่วยให้การป้องกันอุบัติภัย 3 ขั้นตอน มีประสิทธิภาพสูงสุดจำเป็นต้องได้รับแรงสนับสนุนจากทุกฝ่ายในโรงงาน ไม่ว่าจะเป็น ผู้บริหาร หัวหน้างาน เจ้าหน้าที่ หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน การเสริมสร้างความปลอดภัยในโรงงานอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพต้องยึดหลัก 3E1) Engineering (วิศวกรรมศาสตร์) E ตัวแรก คือ การใช้ความรู้วิชาการด้านวิศวกรรมศาสตร์ ในการคำนวณและออกแบบเครื่องจักรเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพใช้งานที่ปลอดภัยที่สุด การติดตั้งเครื่องป้องกันอันตรายให้แก่ส่วนที่เคลื่อนไหว หรืออันตรายของเครื่องจักร การวางแผนโรงงาน แสงสว่าง เสียง2) Education (การศึกษา) E ตัวที่สอง คือ การให้การศึกษา หรือการฝึกอบรมและแนะนำคนงานหัวหน้างานตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องในงานให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการป้องกันอุบัติเหตุ และการเสริมสร้างความปลอดภัยในโรงงานให้รู้ว่าอุบัติเหตุเกิดและป้องกันได้อย่างไรและจะทำงานวิธีใดจึงปลอดภัย3) Enforcement (การออกกฎข้อบังคับ) E ตัวสุดท้าย คือ การกำหนดวิธีการทำงานอย่างปลอดภัย และมาตรการบังคับควบคุมให้คนงานปฏิบัติตามเป็นระเบียบปฏิบัติที่ต้องประกาศให้ทราบทั่วกันหากผู้ใดฝ่าฝืนจะต้องถูกลงโทษเพื่อให้เกิดความสำนึกรู้หรือไม่ การทำงานในทุกอาชีพสามารถเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันหรือความเสี่ยงต่าง ๆ มากมายที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้ ไม่ใช่แค่เพียงอาชีพที่ทำงานในอุตสาหกรรมก่อสร้างเท่านั้น โดยความเสี่ยงของแต่ละสายงานก็จะแตกต่างกันออกไป และถ้าหากเกิดการประมาทเลินเล่อก็สามารถก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงถึงแก่ชีวิตของตัวเองและบุคคลรอบข้างได้ ดังนั้นจึงมีกฎหมายออกมาปกป้องและป้องกันอุบัติเหตุในการทำงานที่อาจจะเกิดขึ้น .  For further inquiries,…